รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
Q: ขอฉันเล่าให้คุณฟังว่าฉันได้รับการ ประทับจิตจากท่านอาจารย์ได้อย่างไร วันที่ 6 เมษายนของปีที่แล้ว ฉันยังจำได้อย่างชัดเจน เพราะเป็น วันที่ไม่อาจลืมเลือนได้ ตอนนั้นฉันยังทำงานเป็นนักข่าว ให้กับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งอยู่ คืนก่อนหน้า ขณะฉันกำลังเดินทางกลับบ้าน ฉันเห็นโปสเตอร์ มันเป็นโปสเตอร์ของท่านอาจารย์ เมื่อฉันเห็นแล้วฉันรู้สึกซาบซึ้ง และหวั่นไหวมาก จึงตัดสินใจว่า ไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหน ฉันจะต้องเข้ารับฟัง การบรรยายของท่านให้ได้ ตอนนั้นฉันยุ่งมากจริง ๆ ต้องรีบส่งงานให้ทันกำหนดทุกวัน แต่ฉันตัดสินใจแน่วแน่ว่า "ฉันควรไปฟัง การบรรยายสักครั้งหนึ่ง" แล้ววันที่ 6 ฉันก็ได้ไปเยี่ยมชม สถานที่บรรยายของอาจารย์ วันนั้นฉันมาถึงช้า ไปนิดหน่อย และมีคนเต็มแล้ว ฉันนั่งลงบนเก้าอี้เสริมตัวหนึ่ง ที่วางอยู่ด้านข้าง นั่งอยู่ตรงนั้นฉันไม่ได้ รู้สึกอะไรจริง ๆ ในตอนแรก หลังจากนั้นฉันจึงไม่รู้ว่า อาจารย์ได้เข้ามาแล้ว ได้ยินแต่คนรอบข้าง อุทานว่า “โอ้ ท่านอาจารย์ธรรมะมาแล้ว!” ทันทีที่ท่านอาจารย์เดินเข้ามาในห้องโถง ก่อนจะถึงเวทีด้วยซ้ำ เมื่อท่านเดินเข้าไปได้เพียงครึ่งทาง ฉันก็ร้องไห้ออกมา ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมาก จนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ ขณะนั้นฉันรู้สึกว่า "ในที่สุด ฉันก็พบท่านแล้ว!" ความรู้สึกนั้นก็เกิดขึ้นทันที หลังจากที่อาจารย์ขึ้นไป บนเวที ตลอดการบรรยายของตอนเย็น ฉันรู้สึกชื่นชมอย่างมาก เพราะโดยธรรมชาติ ฉันชอบวิจารณ์ คนอื่น คนที่ชอบตั้งคำถาม และวิจารณ์ทุกสิ่ง แต่ทุกประโยค ที่ท่านอาจารย์พูด และทุกคำถามที่ท่านตอบ ฉันไม่พบสิ่งใด ที่สามารถโต้แย้งได้ และเมื่อถึงเวลานั้น ข้อสงสัยที่ฉันมีมานานหลายปี ก็แทบจะหมดไป มันแปลกมาก ทีละข้อ คำถามของฉันก็ถูกเคลียร์ไปทีละข้อ โอ้! ฉันรู้สึกสบายใจมาก ฉันจึงตัดสินใจไปฟัง การบรรยายอีกครั้งในวันถัดไปวันที่สอง มีเรื่องที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่า เกิดขึ้น ครั้งนี้ฉันไปก่อนเพื่อหาที่นั่ง เพราะกลัวว่า จะไม่มีที่นั่งเหลือ หลังจากที่ฉันจองที่นั่งแล้ว ฉันก็ไปทานอาหารเย็นแบบบุฟเฟ่ต์ ตอนนั้น ฉันยังไม่เป็นวีแกน เลยสั่งเมนูผัก มาสองอย่าง แล้วก็อีกจานหนึ่ง เป็นผัดขึ้นฉ่ายกับ (ชาว) ปลาหมึก ซึ่งเป็นเมนูเดียว ที่ไม่ใช่วีแกน ฉันจึงกินและกินต่อไป จานผักจานแรก จานที่สอง และจานที่สาม หลังจากทานอาหารวีแกน เสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็หันมาทานผัดขึ้นฉ่าย กับ (ชาว) ปลาหมึก ฉันกินขึ้นฉ่ายก่อนแล้ว จึงไปกิน (ชาว) ปลาหมึกต่อ แต่แค่ชิ้นแรก ที่ฉันกัดเข้าไป ฉันก็ไม่สามารถกินต่อได้อีก ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา วันที่ 7 เมษายน ฉันก็กลายเป็นวีแกน อย่างเป็นทางการ เพราะฉัน ไม่สามารถกินเนื้อ (ชาวสัตว์) ได้อีกจากนั้น ในวันที่สาม ฉันก็พาเพื่อน ๆ มาฟัง การบรรยายกันเต็มกลุ่ม และก็มีเรื่องลึกลับ เกิดขึ้นอีกมากมาย ตัวอย่างเช่น เพื่อนคนหนึ่ง เมื่อเข้าไปในสถานที่จัดงานแล้ว เขาก็พนมมือและโค้งคำนับ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่หยุด หลังจากนั้นเวลาเราไปซื้อของ ก็มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น คือเวลาเขาเดินผ่าน ร้านขายอาหาร จำพวกเนื้อ (ชาวสัตว์) เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ มือเขาจะวางลงโดยอัตโนมัติ แล้วเมื่อผ่านไป แล้วก็จะยกมือขึ้น ทำท่าสวดมนต์อีกครั้ง การตอบสนองทางจิตวิญญาณ ในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นมากมาย ภายหลังการบรรยายในวันที่สาม มีการประกาศว่า การประทับจิต จะจัดขึ้นในวันถัดไปสองสามวันนี้ มีชาวจีนโพ้นทะเล มาคุยกับเราบ่อยครั้ง บางคนก็เล่าถึง ความยากลำบากของตน พวกเขาต้องการรับการประทับจิต เป็นอย่างยิ่ง แต่กังวลว่าอาจไม่ สามารถรักษาการรับประทานอาหาร วีแกนได้ และอาหารวีแกนล้วน ๆ จะมีคุณค่า ทางโภชนาการเพียงพอหรือไม่ บอกตรง ๆ เลยว่า อาหารวีแกนมีคุณค่า ทางโภชนาการเพียงพอแน่นอน ลองมองดูพวกเราสิ ทุกคนต่างก็มีสุขภาพดี นั่นก็เป็นหลักฐานเพียงพอแล้ว และการรักษา การทานอาหารวีแกนนั้นยากไหม ฉันคิดว่ามีสิ่งต่าง ๆ มากมายในชีวิต ที่ยากลำบาก มันขึ้นอยู่กับว่าคุณเต็มใจ ที่จะเลือกและมุ่งมั่นหรือไม่ เช่น ในฐานะนักข่าว ฉันต้องวิ่งไปวิ่งมาทุกวัน และเข้าสังคมกับผู้คนมากมาย แต่เมื่อคุณตัดสินใจแล้ว คุณสามารถนำกล่องอาหารวีแกน ไปด้วย และยังออกไปสังสรรค์ รับประทานอาหารกับคนอื่น ๆ ได้ ไม่มีปัญหาเลย คุณสามารถปรุงอาหารวีแกน ได้ด้วยตัวเอง โดยใส่ใจ กับโภชนาการที่สมดุล ฉันคิดว่าโภชนาการไม่ใช่ปัญหานี่คือข้อเสนอแนะเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฉันเกี่ยวกับการประทับจิต รีบกลับบ้านเถอะ กลับคืนสู่บ้านอันแท้จริงของเรา ขอบคุณค่ะ(ขอบคุณค่ะพี่สาวลี่ บัดนี้ เราขอเชิญ ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ มาบรรยายด้วยความเคารพ)Master: ขอบคุณ ขอบคุณมาก ๆ ฉันดีใจมาก ที่เราได้พบกันอีกครั้ง แม้ชีวิตจะยุ่งวุ่นวายเพียงใด คุณก็ยังพอมีเวลา มาฟังธรรมะ (คำสอนที่แท้จริง) และพยายามค้นหาว่า แท้จริงแล้ว คุณคือใคร นี่มันดีมากเลย... จะพูด "สัญญาณ" ว่าอย่างไร? (สัญญาณครับ) สัญญาณ นั่นหมายความว่า แม้ในโลกนี้ที่มีแนวโน้มไป ทางวัตถุนิยม แต่ก็ยังมีคนอีกมาก ที่โหยหาอาหารทางจิตวิญญาณ ที่นี่ในคอสตาริกา ประชากรไม่มาก มีเพียงประมาณ 2 ล้านคนเท่านั้น และด้วยพื้นที่ที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ทุกคนจึงกระจายตัวกันออกไป ถึงกระนั้น ก็ยังมีคนอีกมาก ที่รีบเร่งมาจากที่ไกล ๆ เพื่อมาที่นี่ แม้ว่าการเดินทางจะไม่สะดวกก็ตาม ฉันรู้สึกสบายใจมาก ที่เห็นคุณพยายามอย่างมาก เพื่อมาที่นี่ และฟังการบรรยาย พวกเราส่วนใหญ่มีศาสนา มีความศรัทธาทางศาสนา แต่ถึงแม้คุณจะไม่มีความเชื่อ ทางศาสนา ก็ไม่สำคัญเราทุกคนล้วนมีพระเจ้า หรือธรรมชาติแห่งพุทธะอยู่ในตัว ธรรมชาติแห่งพุทธะ หรือพระเจ้าจะดูแลเรา เราเชื่อมั่นในตัวเองว่า ธรรมชาติของมนุษย์ นั้นดีมาตั้งแต่เกิด ความดีที่มีอยู่ในตัวเรา คือศาสนาของเรา เราสามารถเข้าร่วมกลุ่มคาทอลิก เราสามารถเข้าร่วมกลุ่มพุทธ แต่ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็ตาม พวกเขาทั้งหมดยังคงรักษา คำสอนเรื่องความดีที่มีอยู่ ในธรรมชาติของมนุษย์เอาไว้ ศาสนาทุกศาสนาส่งเสริมให้ผู้คน รักษาคุณธรรมอันดีงามนี้ไว้แต่หากเราเป็นคนดีโดยกำเนิด แล้วเหตุใด บางคนจึงยังคงทำสิ่งที่ เรียกว่าความชั่วอยู่ เมื่อถึงเวลานั้น ความดี ที่เป็นธรรมชาติเหล่านั้นหายไปไหน ใครรู้บ้าง ไม่มีใครรู้หรอก ลองคิดดูสิ พูดดัง ๆ จงกล้าหาญ! (ความดีที่อยู่ภายใน ถูกมารปิดกั้นไว้ค่ะ) ถึงเวลานั้นเราก็ลืมไปแล้วใช่ไหม? นั่นคือสิ่งที่คุณหมายถึงใช่ไหม? นั่นคือสิ่งที่เธอหมายถึงใช่ไหม? ใช่ ใช่ ถูกต้องเพราะฉะนั้น เราต้องระมัดระวัง เราจำเป็นต้องอยู่ใกล้ชิด กับบุคคลที่มีคุณธรรม เพื่อนที่ดี และบุคคลที่มีคุณธรรม เพื่อที่พวกเขา จะมีโอกาสเตือนเราถึงความดี ที่แฝงอยู่ในตัวพวกเขา และเพื่อที่เราจะไม่ได้ลืมมัน ฉันเป็นหนึ่งในบรรดาเพื่อน ที่มีคุณธรรม เป็นเพื่อนที่ดี ที่มาเตือนทุกคนว่า คุณเป็นคนที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ไม่ใช่เพราะอาจารย์ ที่คุณยิ่งใหญ่ได้ แต่เพราะ คุณยิ่งใหญ่อยู่แล้ว มันเป็นเพียงการที่คุณลืมไป ถูกความกังวลครอบงำ ถูกฝังอยู่ภายใต้ แรงกดดันของสังคม ถูกกดดันจากความเครียด ดังนั้นเมื่อเราเผชิญกับ สถานการณ์ที่กะทันหัน เราก็ตอบสนองและลืมธรรมชาติ ที่แท้จริงของเราไป เราลืมความดีที่เป็นธรรมชาตินี้ หรือธรรมชาติแห่งพุทธะ หรืออาณาจักรสวรรค์ ของพระเจ้าภายในตัวเราอาณาจักรของพระเจ้าก็เป็นเช่นนี้ เมื่อเรามีความยินดีมาก มีความสุขมาก ร่าเริงมาก ใจกว้างมาก และอดทนมาก นั่นคืออาณาจักรของพระเจ้า ในช่วงเวลานั้น เราจะสัมผัสได้ถึง ส่วนหนึ่งของอาณาจักร ของพระเจ้าภายในตัวเรา แต่อาณาจักรที่แท้จริง ของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่านั้นมาก มันไม่ได้หมายถึงแค่ มีความสุขชั่วขณะ จากนั้นก็ร้องไห้ หรือกังวลในวินาทีต่อมา ความสุขนิรันดร์ คืออาณาจักร ที่แท้จริงของพระเจ้าภายใน นี่คือสิ่งที่เรียกว่า อาณาจักรของพระเจ้า สิ่งที่เรียกว่าสวรรค์ หรือนิพพาน การจะพบอาณาจักรของพระเจ้า ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะรักษาไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเรามักถูกปกคลุม ไปด้วยความกังวล ถูกอิทธิพลของมัน และเราก็ลืมมันไป แล้วเราก็ติดตามความกังวลเหล่านั้น เราได้รับอิทธิพลจากมัน เราลืมที่จะ ควบคุมสถานการณ์ เราลืมที่จะ เป็นอาจารย์ภายในตัวเราเองวันนี้มีนักข่าว มาสัมภาษณ์ฉัน เขาถามว่า “พลังของมายา ซึ่งหมายถึงพลังด้านลบ พลังแห่งการขัดแย้ง มาจากไหน?” ฉันตอบว่า “ก็มาจากพระเจ้าเหมือนกัน” เขาพูดว่า "ห๊ะ? มันจะมาจากพระเจ้าได้อย่างไร?” ฉันพูดว่า "เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า พระเจ้าทรงสร้างจักรวาล และทุกสิ่งในนั้น ไม่มีสิ่งใด ที่ไม่ได้ถูกสร้างโดยพระองค์ ดังนั้น หากพลังด้านลบ ไม่ได้ถูกสร้างโดยพระเจ้า แล้วใครเป็นผู้สร้างมันล่ะ?” แล้วเขาก็พูดว่า “อ้อ จริงอย่างนั้น”แต่แล้วทำไมพระเจ้า จึงสร้างพลังด้านลบนี้ขึ้นมา ฉันบอกว่า “มันมีประโยชน์มาก มีประโยชน์มากสำหรับเรา เพราะมันทำให้เรา เรียนรู้วิธีที่จะแปลง พลังด้านลบ ให้เป็นพลังที่สามารถนำมาใช้ได้” ดูที่ไฟฟ้าสิ มันอันตรายมาก หากเราสัมผัสหรือเข้าใกล้ บริเวณที่มีไฟฟ้าแรงสูงมากเกินไป เราอาจถูกไฟดูด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แต่เมื่อเราเรียนรู้วิธีจัดการ และควบคุมไฟฟ้าแล้ว เราก็จะไม่มีปัญหาอีกต่อไป อีกตัวอย่างหนึ่งคือเงิน มันทำให้คนจำนวนมาก ละเมิดกฎหมาย ละเมิดศีล และทำความชั่ว แต่หากเราเรียนรู้ที่จะใช้เงิน และไม่ถูกเงินครอบงำ เงินก็จะกลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก เข้าใจไหม แทนที่เราจะถูกควบคุมโดยเงิน เราก็ควบคุมมัน เราจะกลายเป็นเจ้านายของเงิน แทนที่จะ ยอมให้เงินครอบงำเรา ถ้าไม่มีเงิน เราก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ อย่างไรก็ตาม บางคนก็โลภเงินมากเกินไป เพื่อเงิน พวกเขาสามารถฆ่า พวกเขาสามารถขโมย พวกเขาสามารถใช้วิธีชั่วร้ายต่าง ๆ และทำความชั่วได้ เมื่อถึงจุดนั้น เงินจะกลายเป็นพลังด้านลบ แต่หากเรารู้จักใช้เงิน อย่างชาญฉลาด เงินก็จะกลายเป็นพลังบวกมันก็เหมือนกับไฟฟ้า มันมีสองส่วน อันหนึ่งคือขั้วลบ และอีกอันคือขั้วบวก หนึ่งบวก หนึ่งลบ – กระแสไฟฟ้าจึงจะไหลได้ เมื่อทั้งสองมารวมกันเท่านั้น ไม่ใช่เหรอ ถ้ามีแต่สิ่งดี อย่างเดียว คงไม่มีพลัง ในโลกนี้ มีพลังอยู่สองประเภทเช่นกัน หนึ่งคือพลังบวก เราเรียกมันว่าพลังบวก พลังของพระเจ้า เราเรียกมันว่าความเมตตา ความรัก ความเอาใจใส่ และพลังแห่งพร นี่คือพลังบวก พลังบวก อีกอย่างหนึ่งคือพลังลบ ซึ่งเราเรียกว่ามายาหรือภาพลวงตา พลังของกษัตริย์แห่งมายา พลังของมายา เชี่ยวชาญในการผูกมัดผู้คนในโลกนี้ ทดสอบความโลภ ความโกรธ และความไม่รู้ ทดสอบปัญญาและความสามารถ ในการเอาชนะของพวกเขา ในตัวมันเอง มันไม่ดีและไม่ชั่ว มันขึ้นอยู่กับว่า เราจะจัดการกับมันอย่างไร แล้วมันก็จะกลายเป็นดีหรือร้ายPhoto Caption: เติบโตในที่ที่เป็นไปได้ เพื่อดำรงชีวิต!